รายการโปรด
เราตัดสินใจแบบไม่มีอคติจริงๆ หรอ? หรือเราแค่คิดไปเองว่าเราไม่มีอคติ...
เราทุกคนมีเรื่องให้ต้องตัดสินใจแทบจะทุกชั่วโมง กินอะไรดี? ไปทางไหนดี? ลงทุนอะไรดี? ซื้ออะไรดี? ใครเป็นคนดีน่าคบ?... การตัดสินใจกำหนดทุกการกระทำของเราและผลที่ตามมาเสมอ ---- "คุณภาพการตัดสินใจเลยเป็นตัวกำหนดคุณภาพชีวิต" แต่ผมกลับพบว่า จริงๆ แล้ว เราตัดสินใจแบบมีอคติตลอด ไหงงั้น!!!? เดี๋ยวผมจะมาเล่าให้ฟังครับ
ตั้งแต่โตขึ้นมา ผมมักถูกสอนเสมอว่า "คนเราต้องตัดสินใจแบบไม่มีอคตินะ โดยเฉพาะถ้าอยากเป็นผู้นำในองค์กร" คำพูดนี้ไม่ผิดครับ ถูกต้องทุกอย่าง แต่มันทำจริงไม่ได้ พูดง่ายแต่ทำยากมากกกกก
เราต้องใช้สมองในการตัดสินใจ แต่ตัวสมองเองนี่หละครับที่โคตรจะอคติ มันถูกฝึกให้ตัดสินใจตามแบบที่เราอยากให้เป็นมาตั้งแต่เกิด แล้วเราจะไปตัดสินใจแบบไม่มีอคติได้ยังไง?
ไม่ต่างอะไรกับการพยายามไม่ให้แดดร้อน มันเป็นไปไม่ได้! สิ่งที่เป็นไปได้คือหาครีมกันแดดมาทา หาหมวกกับแว่นกันแดดมาใส่ เพื่อลดผลกระทบ หรือไม่ก็ไปชายหาดอาบแดด Enjoy มันซะเลย
วิธีที่เป็นไปได้สำหรับผมในการตัดสินใจที่ดีคือ "ยอมรับว่ามันมีอยู่ แล้วหาทางจัดการกับมัน"
เริ่มจากการรู้ว่าอคติแบบไหนบ้างที่เราเป็นบ่อยๆ
แบบแรกที่ผมเห็นคือ ตัดสินใจโดยคิดว่าอะไรคล้ายๆ เราแล้วจะดีเสมอ ส่วนอะไรที่ต่างจากเรา ถ้าไม่จำเป็นอย่าไปยุ่ง เรียนที่เดียวกับเราน่าจะเก่ง คนนี้คิดเหมือนเราต้องถูกแน่ คนนี้จบวิศวะเหมือนเรารับเข้าทำงานดีกว่า คนผิวดำน่ากลัว
อีกแบบที่เห็นบ่อยคือ อคติจากประสบการณ์ในอดีต เคยกินผักตอนเด็กแล้วขมมากไม่กินดีกว่า เคยทำดีแล้วไม่ได้ดีอย่าไปทำมันเลย เคยเห็นตลาดหุ้นพังตอนต้มยำกุ้งมาแล้วอย่าไปเล่นเลยหุ้น
ถ้าเรายอมรับว่าอคติจากความคล้าย และประสบการณ์มีอยู่จริง เราจะรู้ว่าก่อนจะตัดสินใจอะไร เราควรฟังความคิดเห็นคนอื่นก่อนเสมอ โดยเฉพาะคนที่หวังดีกับเราและคนที่ไม่เหมือนเรา ไม่ได้ให้ฟังเพื่อทำตามเค้านะครับ! ยังไงเราก็ต้องเป็นตัวของตัวเอง แต่ฟังเพื่อเปิดใจแล้วเก็บมาคิดทบทวน
อคติเพราะความขี้เกียจ อันนี้คนส่วนใหญ่มองข้ามแต่เป็นกันบ่อยมาก เคยไม๊ครับเวลาเจออะไรที่ตัดสินใจยากๆ ดูยุ่งเหยิงสุดๆ เราก็เลย "ปล่อยไปตามหัวใจ" เล่นง่าย ตัดสินใจไปแบบปิดตาจิ้ม อะไรใกล้มือสุดคว้าอันนั้น แล้วก็บอกตัวเองว่า มันต้องเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแน่ๆ
ถ้าเรายอมรับว่าอคติจากความขี้เกียจมีอยู่จริง เราจะรู้ว่าก่อนจะตัดสินใจอะไรสำคัญๆ เราต้องวิเคราะห์ข้อมูลรอบด้านก่อนเสมอ ถ้าข้อมูลมันไม่ได้สนับสนุนสิ่งที่เรากำลังจะทำเลย ต้องมาทบทวนการตัดสินใจกันใหม่ครับ
อคติแบบสุดท้ายที่ผมเห็นทุกวันคือ อคติจากความกลัวและความโลภ อันนี้เห็นชัดมากในหมู่นักลงทุนก่อนซื้อหุ้นรู้สึกว่าหุ้นถูกถ้าไม่รีบซื้อราคาจะขึ้นไปไกลเลยซื้อมา ผ่านไปวันเดียวกลัวหุ้นตกรู้สึกกังวล ผ่านไปอีกวันหุ้นราคาขึ้น 2% กลัวกำไรหายขายซะเลย
จริงๆ แล้ว 3 วันนี้อาจไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย นอกจากความกลัวและความโลภของเราเอง อคติแบบนี้ไม่ได้มีแต่ในตลาดหุ้นนะครับ ชีวิตประจำวันก็มีให้เห็นบ่อยๆ พอเห็นของ Sales ซื้อ 2 แถม 1 รีบซื้อมาโลดดดด 3 อัน จนลืมคิดไปว่าได้ใช้แค่อันเดียว สุดท้ายต้องมานั่งคิดอีกว่าจะใช้อีก 2 อันยังไงดีให้รู้สึกคุ้มที่ซื้อมา :)
ถ้าเรารู้ว่าอคติยากความโลภและความกลัวมีอยู่จริง เราจะไม่ด่วนตัดสินใจตอนที่อารมพุ่งพล่าน แต่จะชะลอ ลองดูว่าผ่านไปซักวันนึงพออารมเริ่มปกติเราจะยังคิดเหมือนเดิมรึเปล่า
ลองเอาไปปรับใช้ดูนะครับ เชื่อผมเถอะว่าคนเราทุกคนมีอคติในการตัดสินใจ อย่าไปพยายามหนี แค่รู้ว่ามันมีอยู่และจัดการมันให้ดี
สุดท้ายขอฝากไว้ ทุกอย่างต้องมีสมดุลครับ อย่าตึงเกินไป เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวันปล่อยสมองเรามันมีอคติไปเถอะครับ เอาแค่เรื่องใหญ่ๆ ที่มีผลกับชีวิตเราในระยะยาวก็พอ ที่เราจะต้องมานั่งซีเลียส ระวังไม่ให้อคตินำพาเราไปผิดทาง
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณครับ
#SalarymanEstator
ขอบคุณความรู้มากๆครับ เขียนดี
บทความด้านการลงทุนเขียนดีมากครับ
ห้องดูกว่างมากเลยโครงการนี้
ชอบๆ มีสาระประโยชน์มากค่ะ